วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2552

ยุโรปหลัง ยุค ของราชวงศ์คาโรลินเจียน

ยุโรปในศตวรรษที่ 10 - 13 ช่วงหลัง จาก เสื่อมอำนาจลงของราชวงศ์คาโรลินเจียน

(1) แผนที่ยุโรป









หลังยุคของราชวงศ์คาโรลินเจียน อาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นของราชวงศ์แซกซอน เฮนรีที่ 1 ปฐมกษัตริย์วงศ์ราชวงศ์แซกซอน ครองราชย์ สืบต่อจากคอนราดที่ 1 ใน ค.ศ.919 แต่อาณาจักรของเฮนรีที่ 1 นั้น หาใช่ที่ทุกคนเข้าใจ คือ องค์กษัตริย์ จะย้ายที่อยุ่ไปเรื่อยๆ ไม่มีเมืองหลวง เพื่อควบคุมดูแลอาณาจักร

เฮนรีที่ 1 สมญา "The Fowler" เดิมเป็น ดยุ๊คแห่งแซกโซนี ทรงได้รับการสนับสนุนจาก คอนราดที่ 1 ในการเป็นกษัตริย์เยอรมนี (ค.ศ. 919-936) เฮนรี ปาครองอาณาจักรโดยให้สิทธิในการปกครองตนเองของแต่ละเผ่าในอาณาจักร เผ่าแฟรงค์ ใน แฟรงโคเนีย เผ่าสวาเบีย ใน สวาเบีย เผ่าบาวาเรียน ใน บาวาเรีย พวกลอร์เรน ใน ลอร์เรน แต่ ต่อมาไม่นาน ก็ต้องเสียดินแดน ลอร์เรน ให้กับอาณาจักรฝรั่งเศสไป เพราะความวุ่นวายในอาณาจักร แต่ ความแล้วเฮนรีก็ได้ ลอร์เรน คือ จากความวุ่นวายในอาณาจักรฝรั่งเศส ในสมัย ชาร์ลส์ผู้สมถะ (ค.ศ. 928)
ปัญหาสำคัญ ในสมัยของเฮนรี คือ การรุกรานของชาวแมกยาร์(Magyars) จากฮังการี ชาวแมกยาร์ปล้นสดมภ์ เยอรมนี มานานแล้ว ตั้งแต่สมัยก่อน เฮนรี จึง ยื่นข้อเสนอ กับ ชาวแมกยาร์ หยุดรบเป็นเวลา 9 ปีโดย ทางเยอรมนี จะส่วยประจำปีให้ ช่วงเวลาที่ไม่มีศึก เฮนรีที่ 1 ก็ปรับผังเมือง สร้างเมืองป้อมปราการขึ้น โดยไว้เป็นเมืองหน้าด่านตอนเกิดสงคราม และฝึกทหาร ที่ชำนาญศึกขึ้น เพื่อไว้ใช้รับมือชาวแมกยาร์ หลังเวลาผ่านไป 9 ปี ชาวแมกยาร์ก็ทำสงครามกับเฮนรีที่ 1 อีก แต่ในผลในการรบ เฮนรี ชนะชาวแมกยาร์ อย่างเด็ดขาดที่ สมรภูมิรบแห่งเรียด(ค.ศ.933)
อีกปัญหาหนึ่ง ก็คือการรุกราน ของ ชาวเดน ที่อาศัยอยู่ บริเวณสแกนดิเนียเวีย เฮนรี ทรงรบกับพวกเดนจนสามารถขับไล่ พวกเดน กลับไปหลังแม่น้ำไอเดอร์(Eider) ได้ หลังจากขจัดปัญหาต่างในอาณาจักรแล้ว เฮนรีก็ทรงตั้ง โอโตที่ 1 เป็นทายาทสืบราชบัลลังก์

(2) สาแหรกราชวงศ์แซกซอน









โอโตที่ 1 สมญา " ผู้ยิ่งใหญ่ " ครองราชย์ ค.ศ. 936 - 973 โอโต มีความคิดไม่เหมือน เฮนรีที่ 1 พระองค์ริบรอนอำนาจในการปกครองตนเองของแต่ละเผ่า และจะผลักดันเจตจำนง ว่าอาณาจักรแฟรงค์ตะวันตก(เยอรมนี) เป็นอาณาจักรที่สืบทอดมาจาก ชาร์เลอมาญ โดยแท้จริง หาใช่ อาณาจักรแฟรงค์ตะวันออกไม่
พระองค์ทรงเปลี่ยนการปกครอง ทรงแต่งตั้ง เจ้าพนักงานสูงสุด 4 ตำแหน่ง คือ

ดยุ๊คกิลเบิร์ตแห่งลอร์เรน ดำรงตำแหน่งเป็น สมุหราชมณเฑียร (Chamberain)
ดยุ๊คเอเวอราร์ดแห่งแฟรงโคเนีย ดำรงตำแหน่งเป็น สมุหราชองครักษ์ (Steward)
ดยุ๊คเฮอร์มานแห่งสวาเบีย ดำรงตำแหน่งเป็น เจ้ากรมวัง (Butler)
อาร์นุล์ฟ แห่งบาวาเรีย ดำรงตำแหน่งเป็น เจ้ากรมพิธีการ (Marshal)

ด้วยนโยบายรวมการปกครองทำให้ แต่ละแคว้นเริ่มมีการขัดแย้ง ทรงเผชิญการกบฎ ของ เฮนรีพระอนุชา กิลเบิร์ตแห่งลอร์เลน และ อาเวอราร์ดแห่ง แฟรงโคเนีย ทรงได้รับชัยชนะเหนือพวกกบฎที่ทุ่งเบอร์เธน แต่แล้วปัญหาก็ยังไม่สิ้นสุด มีการกบฎเกิดขึ้นอีก โดยการ สนับสนุนของ หลุยส์จากโพ้นทะเล กษัตริย์อาณาจักรฝรั่งเศส แต่ โอโตที่ 1 ก็สามารถชนะศึกได้ เมื่อเป็นเช่นนี้โอโตที่ 1 จึงได้ให้ คนสนิท หรือ เชื้อพระวงศ์ไปปกครองแคว้นต่างๆ เพื่อจะสื่อ ความหมายว่า เจ้าครองแคว้น หาใช่มาคนที่ยิ่งใหญ่มาจากดินแดนนั้น อต่เป็นคนที่กษัตริย์ มอบอำนาจให้ไปปกครองดินแดนที่นั้น หลังจากจัดการความวุ่นวายในอาณาจักร โอโตที่ 1 ทรงยกกองทัพไปปราบดยุ๊คแห่งโบฮีเมียได้สำเร็จ(ค.ศ.950) แต่โบฮีเมีย ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรเป็นเพียงประเทศราเท่านั้น เพื่อเป็นรัฐกันชน กับการรุกรานจากภายนอก
หลังจากปราบโบฮีเมียเรียบร้อม โอโตที่ 1 ก็ยกทัพ เข้าอิตาลี ที่ตอนนี้ยังวุ่นวายเรื่องการ ขึ้นปกครองอิตาลี อยู่ โอโตที่ 1 ยกทัพถึงปาเวีย และ แต่งงานกัยราชินีอเดเนียด เพื่อให้ได้สิทธิในการเป็นผู้ปกครองอิตาลี แต่พระองค์ก็ทรงผิดหวัง เพราะไม่สามารถ เข้าพิธีราชาภิเษกได้ เนื่องจาก ไม่สามารถ เจรจากับ พระสันตะปาปา อกาเพตุสที่ 2 ได้ แต่หลังจากนั้นไม่นาน พระสันตะปาปจอห์นที่ 12 ก็ทรงเข้าพิธีให้ โอโตที่ 1

โอโตที่ 2 (ค.ศ.973 - 983) และ โอโตที่ 3 (ค.ศ.983 - 1002) เป็นช่วงที่อาณาจักรมีความมั่นคงมาก เพราะไม่มีปัญหาอะไรๆที่สำคัญเลย แต่หลังจากโอโตที่ 3 สิ้นพระชนม์กลับไม่มีโอรสสืบราชสมบัติ