ยุโรปในศตวรรษที่ 10 - 13 ช่วงหลัง จาก เสื่อมอำนาจลงของราชวงศ์คาโรลินเจียน
(1) แผนที่ยุโรป
หลังยุคของราชวงศ์คาโรลินเจียน อาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นของราชวงศ์แซกซอน เฮนรีที่ 1 ปฐมกษัตริย์วงศ์ราชวงศ์แซกซอน ครองราชย์ สืบต่อจากคอนราดที่ 1 ใน ค.ศ.919 แต่อาณาจักรของเฮนรีที่ 1 นั้น หาใช่ที่ทุกคนเข้าใจ คือ องค์กษัตริย์ จะย้ายที่อยุ่ไปเรื่อยๆ ไม่มีเมืองหลวง เพื่อควบคุมดูแลอาณาจักร
เฮนรีที่ 1 สมญา "The Fowler" เดิมเป็น ดยุ๊คแห่งแซกโซนี ทรงได้รับการสนับสนุนจาก คอนราดที่ 1 ในการเป็นกษัตริย์เยอรมนี (ค.ศ. 919-936) เฮนรี ปาครองอาณาจักรโดยให้สิทธิในการปกครองตนเองของแต่ละเผ่าในอาณาจักร เผ่าแฟรงค์ ใน แฟรงโคเนีย เผ่าสวาเบีย ใน สวาเบีย เผ่าบาวาเรียน ใน บาวาเรีย พวกลอร์เรน ใน ลอร์เรน แต่ ต่อมาไม่นาน ก็ต้องเสียดินแดน ลอร์เรน ให้กับอาณาจักรฝรั่งเศสไป เพราะความวุ่นวายในอาณาจักร แต่ ความแล้วเฮนรีก็ได้ ลอร์เรน คือ จากความวุ่นวายในอาณาจักรฝรั่งเศส ในสมัย ชาร์ลส์ผู้สมถะ (ค.ศ. 928)
ปัญหาสำคัญ ในสมัยของเฮนรี คือ การรุกรานของชาวแมกยาร์(Magyars) จากฮังการี ชาวแมกยาร์ปล้นสดมภ์ เยอรมนี มานานแล้ว ตั้งแต่สมัยก่อน เฮนรี จึง ยื่นข้อเสนอ กับ ชาวแมกยาร์ หยุดรบเป็นเวลา 9 ปีโดย ทางเยอรมนี จะส่วยประจำปีให้ ช่วงเวลาที่ไม่มีศึก เฮนรีที่ 1 ก็ปรับผังเมือง สร้างเมืองป้อมปราการขึ้น โดยไว้เป็นเมืองหน้าด่านตอนเกิดสงคราม และฝึกทหาร ที่ชำนาญศึกขึ้น เพื่อไว้ใช้รับมือชาวแมกยาร์ หลังเวลาผ่านไป 9 ปี ชาวแมกยาร์ก็ทำสงครามกับเฮนรีที่ 1 อีก แต่ในผลในการรบ เฮนรี ชนะชาวแมกยาร์ อย่างเด็ดขาดที่ สมรภูมิรบแห่งเรียด(ค.ศ.933)
อีกปัญหาหนึ่ง ก็คือการรุกราน ของ ชาวเดน ที่อาศัยอยู่ บริเวณสแกนดิเนียเวีย เฮนรี ทรงรบกับพวกเดนจนสามารถขับไล่ พวกเดน กลับไปหลังแม่น้ำไอเดอร์(Eider) ได้ หลังจากขจัดปัญหาต่างในอาณาจักรแล้ว เฮนรีก็ทรงตั้ง โอโตที่ 1 เป็นทายาทสืบราชบัลลังก์
(2) สาแหรกราชวงศ์แซกซอน
โอโตที่ 1 สมญา " ผู้ยิ่งใหญ่ " ครองราชย์ ค.ศ. 936 - 973 โอโต มีความคิดไม่เหมือน เฮนรีที่ 1 พระองค์ริบรอนอำนาจในการปกครองตนเองของแต่ละเผ่า และจะผลักดันเจตจำนง ว่าอาณาจักรแฟรงค์ตะวันตก(เยอรมนี) เป็นอาณาจักรที่สืบทอดมาจาก ชาร์เลอมาญ โดยแท้จริง หาใช่ อาณาจักรแฟรงค์ตะวันออกไม่
พระองค์ทรงเปลี่ยนการปกครอง ทรงแต่งตั้ง เจ้าพนักงานสูงสุด 4 ตำแหน่ง คือ
ดยุ๊คกิลเบิร์ตแห่งลอร์เรน ดำรงตำแหน่งเป็น สมุหราชมณเฑียร (Chamberain)
ดยุ๊คเอเวอราร์ดแห่งแฟรงโคเนีย ดำรงตำแหน่งเป็น สมุหราชองครักษ์ (Steward)
ดยุ๊คเฮอร์มานแห่งสวาเบีย ดำรงตำแหน่งเป็น เจ้ากรมวัง (Butler)
อาร์นุล์ฟ แห่งบาวาเรีย ดำรงตำแหน่งเป็น เจ้ากรมพิธีการ (Marshal)
ด้วยนโยบายรวมการปกครองทำให้ แต่ละแคว้นเริ่มมีการขัดแย้ง ทรงเผชิญการกบฎ ของ เฮนรีพระอนุชา กิลเบิร์ตแห่งลอร์เลน และ อาเวอราร์ดแห่ง แฟรงโคเนีย ทรงได้รับชัยชนะเหนือพวกกบฎที่ทุ่งเบอร์เธน แต่แล้วปัญหาก็ยังไม่สิ้นสุด มีการกบฎเกิดขึ้นอีก โดยการ สนับสนุนของ หลุยส์จากโพ้นทะเล กษัตริย์อาณาจักรฝรั่งเศส แต่ โอโตที่ 1 ก็สามารถชนะศึกได้ เมื่อเป็นเช่นนี้โอโตที่ 1 จึงได้ให้ คนสนิท หรือ เชื้อพระวงศ์ไปปกครองแคว้นต่างๆ เพื่อจะสื่อ ความหมายว่า เจ้าครองแคว้น หาใช่มาคนที่ยิ่งใหญ่มาจากดินแดนนั้น อต่เป็นคนที่กษัตริย์ มอบอำนาจให้ไปปกครองดินแดนที่นั้น หลังจากจัดการความวุ่นวายในอาณาจักร โอโตที่ 1 ทรงยกกองทัพไปปราบดยุ๊คแห่งโบฮีเมียได้สำเร็จ(ค.ศ.950) แต่โบฮีเมีย ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรเป็นเพียงประเทศราเท่านั้น เพื่อเป็นรัฐกันชน กับการรุกรานจากภายนอก
หลังจากปราบโบฮีเมียเรียบร้อม โอโตที่ 1 ก็ยกทัพ เข้าอิตาลี ที่ตอนนี้ยังวุ่นวายเรื่องการ ขึ้นปกครองอิตาลี อยู่ โอโตที่ 1 ยกทัพถึงปาเวีย และ แต่งงานกัยราชินีอเดเนียด เพื่อให้ได้สิทธิในการเป็นผู้ปกครองอิตาลี แต่พระองค์ก็ทรงผิดหวัง เพราะไม่สามารถ เข้าพิธีราชาภิเษกได้ เนื่องจาก ไม่สามารถ เจรจากับ พระสันตะปาปา อกาเพตุสที่ 2 ได้ แต่หลังจากนั้นไม่นาน พระสันตะปาปจอห์นที่ 12 ก็ทรงเข้าพิธีให้ โอโตที่ 1
โอโตที่ 2 (ค.ศ.973 - 983) และ โอโตที่ 3 (ค.ศ.983 - 1002) เป็นช่วงที่อาณาจักรมีความมั่นคงมาก เพราะไม่มีปัญหาอะไรๆที่สำคัญเลย แต่หลังจากโอโตที่ 3 สิ้นพระชนม์กลับไม่มีโอรสสืบราชสมบัติ
วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2552
วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2552
ประวัติศาสตร์ยุโรป-เอเชีย(3) ตอน สงครามกรีก - เปอร์เซีย
สงครามที่ยิ่งใหญ่ต่อมาก็คือสงครามระหว่าง กรีก - เปอร์เซีย ในปี ก่อนปีค.ศ. 480 ปี
ก่อนอื่นจะอธิบาย เกี่ยวกับที่ตั้ง ของแต่ละจักรวรรดิและรายละเอียดสำคัญ
จักรวรรดิเปอร์เซีย(Persian)
(3.1)ดินแดนจักรวรรดิเปอร์เซีย(Persian) ที่ยิ่งใหญ่
จากรูปแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของ จักรวรรดิเปอร์เซีย
ทิศเหนือจดทะเลดำ เทือกเขาคอเคซัส ทะเลสาปแคสเปียน
ทิศใต้ จดอ่าวเปอร์เซีย และทะเลอาระเบียน
ทิศตะวันออก จดแม่น้ำสินธุ และเทือกเขฮินดูกูชในอินเดีย
ทิศตะวันตก จดทะเลเอเจียน ข้ามแม่น้ำไนล์เข้าไปในอียิปต์
กษัตริย์ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเปอร์เซีย คือ กษัตริย์ไซรัส มหาราช (Cyrus The Great)
(3.2) รูปกษัตริย์ไซรัส มหาราช
พระองค์สามารถพิชิตอาณาจักรลิเดียได้ จึงได้ครอบครองเหล่าเมืองกรีกในเอเซียไมเนอร์ด้วย แต่ไม่ยินยอมให้อาณานิคมเหล่านั้นปกครองตนเองเช่นเดิม และได้จัดระเบียบอาณานิคมกรีกในเอเซียไมเนอร์เป็นมณฑล และส่งข้าหลวงไปปกครอง มณฑลเหล่านี้ต้องเสียภาษี และจัดส่งคนสนับสนุนกองทัพเปอร์เซียด้วย ทำให้อาณานิคมเหล่านี้ไม่พอใจ แต่ก็ต้องจำยอมอยู่ในอำนาจของเปอร์เซีย
ต่อมาในสมัยของ กษัตริย์ดาริอุสที่ ๑ (Darius I) แห่งเปอร์เซีย
(3.3) รูปกษัตริย์ดาริอุสที่ ๑ (Darius I)
มีความเห็นว่า เพื่อเป็นการป้องกันอาณานิคมกรีกเกิดกบฏ หรือท้าทายอำนาจของพระองค์ จำเป็นต้องพิชิตรัฐอิสระของกรีกในทะเลเอเจียน และบนคาบสมุทรกรีกเสียให้สิ้น (ก็คือยึดครองกรีก ในยุโรปให้หมด) พระองค์ จึงนำกองทัพขาดมหึมา กำลังพลนับแสนข้าม ทะเลเอเจียน (Aegean Sea) มาทำสงครามกับ
ชาวกรีก
ชาวกรีก (Greek)
อยากที่กล่าวกรีก หาใช่เป็นอาณาจักรไม่ ในดินแดนกรีกจะมีการแบ่งรัฐๆ ในแต่ละรัฐก็จะมีกษัตริย์ ของตัวเอง
(3.4)ดินแดนตรงคาบสมุทรกรีก
ในรัฐกรีก มีรัฐที่สำคัญ คือ
4. รัฐธีบส์ มีดินแดนอยู่ตรงแคว้นโบเธีย (Boeotia) ตรงกลางระหว่าง รัฐสปาร์ตา กับ รัฐเอเธนส์
ดินแดนทั้ง 4 ส่วนส่วนมากจะทำสงครามภายในดินแดนกรีกกันเอง แต่ถ้ามีสงครามจากภายนอกจะรวมกำลังกันต่อต้าน
สงครามระหว่างชาวเปอร์เซีย (Persian) กับชาวกรีก เกิดขึ้นหลายครั้ง แต่ทุกครั้งกองทัพเปอร์เซีย จะไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไร จนในปี ก่อนค.ศ. 481 กษัตริย์เซอร์เซส ที่ ๑ (Xerxes I) โอรส กษัตริย์ดาริอุสที่ ๑ แห่งเปอร์เซีย ได้สืบราชสมบัติเป็นกษัตริย์ต่อจากบิดา ก็ได้นำทัพเปอร์เซียจำนวนถึง 2 ล้าน 3 แสนเศษ ยกกำลังข้ามช่องเฮเลสปอนท์ แล้วเดินทัพอ้อมมาตามชายฝั่งทะเลเข้าสู่คาบสมุทรกรีก
(3.5) กษัตริย์เซอร์เซส ที่ ๑ (Xerxes I)
(3.6) กษัตริย์ เลโอไนดาสที่ 1 (Leonidas I)
กษัตริย์ เลโอไนดาสที่ 1 (Leonidas I) ของสปาร์ตา เมื่อรู้ข่าวก็ได้นำกำลังพลไม่กี่พัน(คำว่า 300 คือ มีนักรบชาวสปาตาร์ เพียง 300 คน ที่เหลือเป็นกำลังพลจากเผ่าอื่นอีกประมาณ 6000) ไปตั้งรับรอที่ช่องเขาThermopylae เพื่อถ่วงเวลาให้กองทัพกรีกเตรียมตัว
(3.7) กองทัพ ชาวสปาร์ตา ตั้งรับรอที่ช่องเขา Thermopylae
(3.8) เส้นทางเดินทัพของเปอร์เซีย
จากรูปทัพทัพเปอร์เซีย ต้องผ่าน ช่องเขาThermopylae ถึงจะยกกำลังบุกลงไปที่ รัฐเอเธนส์ ได้
(3.9) ทัพสปาร์ตา ยัน ทัพเปอร์เซีย
ลีโอนีดัส และทหารสปาร์ตาทั้ง ๓๐๐ ท่านสามารถยันทัพเปอร์เซีย ไว้ที่ช่องเขาThermopylae ไว้ได้หลายวัน แต่ในที่สุดลีโอนีดัส และทหารสปาร์ตาก็ได้พลีชีพที่ช่องเขาเทอร์โมปิเล หลังจากผ่าน ช่องเขาThermopylae กองทัพเปอร์เซียก็ มุ่งสู่ รัฐเอเธนส์
ภายหลัง กองทัพเปอร์เซียก็ไม่สามารถพิชิตชาวกรีกได้ จนต้องถอยกลับ ทิ้งทหารเปอร์เซียไว้ 1 แสนก่อนเดินทางกลับ จักรวรรดิเปอร์เซีย
สงครามยุติได้ไม่นาน ก็เกิด สงครามระหว่าง ชาวเอเธนส์ชาวสปาร์ตา และชาวเปอร์เซีย ตลอดเรื่อยมาจนอารยธรรมชาวกรีกเริ่มเสื่อมถอย และ ล่มสลายไป จนไปถึงยุคของการเข้ามาของ ชาวมาซีดอน (Macedon)
ก่อนอื่นจะอธิบาย เกี่ยวกับที่ตั้ง ของแต่ละจักรวรรดิและรายละเอียดสำคัญ
จักรวรรดิเปอร์เซีย(Persian)
(3.1)ดินแดนจักรวรรดิเปอร์เซีย(Persian) ที่ยิ่งใหญ่
จากรูปแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของ จักรวรรดิเปอร์เซีย
ทิศเหนือจดทะเลดำ เทือกเขาคอเคซัส ทะเลสาปแคสเปียน
ทิศใต้ จดอ่าวเปอร์เซีย และทะเลอาระเบียน
ทิศตะวันออก จดแม่น้ำสินธุ และเทือกเขฮินดูกูชในอินเดีย
ทิศตะวันตก จดทะเลเอเจียน ข้ามแม่น้ำไนล์เข้าไปในอียิปต์
กษัตริย์ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเปอร์เซีย คือ กษัตริย์ไซรัส มหาราช (Cyrus The Great)
(3.2) รูปกษัตริย์ไซรัส มหาราช
พระองค์สามารถพิชิตอาณาจักรลิเดียได้ จึงได้ครอบครองเหล่าเมืองกรีกในเอเซียไมเนอร์ด้วย แต่ไม่ยินยอมให้อาณานิคมเหล่านั้นปกครองตนเองเช่นเดิม และได้จัดระเบียบอาณานิคมกรีกในเอเซียไมเนอร์เป็นมณฑล และส่งข้าหลวงไปปกครอง มณฑลเหล่านี้ต้องเสียภาษี และจัดส่งคนสนับสนุนกองทัพเปอร์เซียด้วย ทำให้อาณานิคมเหล่านี้ไม่พอใจ แต่ก็ต้องจำยอมอยู่ในอำนาจของเปอร์เซีย
ต่อมาในสมัยของ กษัตริย์ดาริอุสที่ ๑ (Darius I) แห่งเปอร์เซีย
(3.3) รูปกษัตริย์ดาริอุสที่ ๑ (Darius I)
มีความเห็นว่า เพื่อเป็นการป้องกันอาณานิคมกรีกเกิดกบฏ หรือท้าทายอำนาจของพระองค์ จำเป็นต้องพิชิตรัฐอิสระของกรีกในทะเลเอเจียน และบนคาบสมุทรกรีกเสียให้สิ้น (ก็คือยึดครองกรีก ในยุโรปให้หมด) พระองค์ จึงนำกองทัพขาดมหึมา กำลังพลนับแสนข้าม ทะเลเอเจียน (Aegean Sea) มาทำสงครามกับ
ชาวกรีก
ชาวกรีก (Greek)
อยากที่กล่าวกรีก หาใช่เป็นอาณาจักรไม่ ในดินแดนกรีกจะมีการแบ่งรัฐๆ ในแต่ละรัฐก็จะมีกษัตริย์ ของตัวเอง
(3.4)ดินแดนตรงคาบสมุทรกรีก
ในรัฐกรีก มีรัฐที่สำคัญ คือ
1. กรีกภาคเหนือ อันได้แก่ แคว้นมาซีโดเนีย (Macedonia) เทสซาลี (Thessaly) เอไพรัส (Epirus) รวมอาณาบริเวณประมาณครึ่งของดินแดนกรีกบนผืนแผ่นดินใหญ่ ในสมัยคลาสสิค ไม่นิยมรวมมาซีโดเนียเป็นส่วนหนึ่งของกรีก
2. กรีกภาคกลาง ได้แก่ บริเวณซึ่งเป็นเนินเขาสูง ระหว่างกรีกภาคกลาง และอ่าวคอรินธ์ ตรงปลายสุดด้านตะวันออกของบริเวณนี้คือแคว้นอันติก (Attica) อันมีเมืองหลวงคือนครรัฐเอเธนส์ ที่กำเนิดของศิลปวิทยาการ ปรัชญาและระบอบการปกครองอันมีชื่อเสียง
3. เพลอปปอนเนซุส (Peloponnesus) ได้แก่ บริเวณคาบสมุทร ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของ อ่าวคอรินธ์ ทางใต้ เพลอปปอนเนซุสคือที่ตั้งของเมืองอาร์กอลิส (Argolis) เป็นศูนย์กลางของอารยธรรม กรีกที่เจริญขึ้นเป็นครั้งแรก ใจกลางคาบสมุทรแห่งนี้เป็นที่ตั้งของนครรัฐสปาร์ตา (Sparta) ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านการรบ เมืองโอลิมเปีย (Olympia) ที่สิงสถิตของบรรดาเทพเจ้ากรีกอยู่ชิดกับฝั่งทะเลไอโอเนีย ด้านตะวันตกของคาบสมุทรเพลอปปอนเนซุส
3. เพลอปปอนเนซุส (Peloponnesus) ได้แก่ บริเวณคาบสมุทร ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของ อ่าวคอรินธ์ ทางใต้ เพลอปปอนเนซุสคือที่ตั้งของเมืองอาร์กอลิส (Argolis) เป็นศูนย์กลางของอารยธรรม กรีกที่เจริญขึ้นเป็นครั้งแรก ใจกลางคาบสมุทรแห่งนี้เป็นที่ตั้งของนครรัฐสปาร์ตา (Sparta) ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านการรบ เมืองโอลิมเปีย (Olympia) ที่สิงสถิตของบรรดาเทพเจ้ากรีกอยู่ชิดกับฝั่งทะเลไอโอเนีย ด้านตะวันตกของคาบสมุทรเพลอปปอนเนซุส
4. รัฐธีบส์ มีดินแดนอยู่ตรงแคว้นโบเธีย (Boeotia) ตรงกลางระหว่าง รัฐสปาร์ตา กับ รัฐเอเธนส์
ดินแดนทั้ง 4 ส่วนส่วนมากจะทำสงครามภายในดินแดนกรีกกันเอง แต่ถ้ามีสงครามจากภายนอกจะรวมกำลังกันต่อต้าน
สงครามระหว่างชาวเปอร์เซีย (Persian) กับชาวกรีก เกิดขึ้นหลายครั้ง แต่ทุกครั้งกองทัพเปอร์เซีย จะไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไร จนในปี ก่อนค.ศ. 481 กษัตริย์เซอร์เซส ที่ ๑ (Xerxes I) โอรส กษัตริย์ดาริอุสที่ ๑ แห่งเปอร์เซีย ได้สืบราชสมบัติเป็นกษัตริย์ต่อจากบิดา ก็ได้นำทัพเปอร์เซียจำนวนถึง 2 ล้าน 3 แสนเศษ ยกกำลังข้ามช่องเฮเลสปอนท์ แล้วเดินทัพอ้อมมาตามชายฝั่งทะเลเข้าสู่คาบสมุทรกรีก
(3.5) กษัตริย์เซอร์เซส ที่ ๑ (Xerxes I)
(3.6) กษัตริย์ เลโอไนดาสที่ 1 (Leonidas I)
กษัตริย์ เลโอไนดาสที่ 1 (Leonidas I) ของสปาร์ตา เมื่อรู้ข่าวก็ได้นำกำลังพลไม่กี่พัน(คำว่า 300 คือ มีนักรบชาวสปาตาร์ เพียง 300 คน ที่เหลือเป็นกำลังพลจากเผ่าอื่นอีกประมาณ 6000) ไปตั้งรับรอที่ช่องเขาThermopylae เพื่อถ่วงเวลาให้กองทัพกรีกเตรียมตัว
(3.7) กองทัพ ชาวสปาร์ตา ตั้งรับรอที่ช่องเขา Thermopylae
(3.8) เส้นทางเดินทัพของเปอร์เซีย
จากรูปทัพทัพเปอร์เซีย ต้องผ่าน ช่องเขาThermopylae ถึงจะยกกำลังบุกลงไปที่ รัฐเอเธนส์ ได้
(3.9) ทัพสปาร์ตา ยัน ทัพเปอร์เซีย
ลีโอนีดัส และทหารสปาร์ตาทั้ง ๓๐๐ ท่านสามารถยันทัพเปอร์เซีย ไว้ที่ช่องเขาThermopylae ไว้ได้หลายวัน แต่ในที่สุดลีโอนีดัส และทหารสปาร์ตาก็ได้พลีชีพที่ช่องเขาเทอร์โมปิเล หลังจากผ่าน ช่องเขาThermopylae กองทัพเปอร์เซียก็ มุ่งสู่ รัฐเอเธนส์
ภายหลัง กองทัพเปอร์เซียก็ไม่สามารถพิชิตชาวกรีกได้ จนต้องถอยกลับ ทิ้งทหารเปอร์เซียไว้ 1 แสนก่อนเดินทางกลับ จักรวรรดิเปอร์เซีย
สงครามยุติได้ไม่นาน ก็เกิด สงครามระหว่าง ชาวเอเธนส์ชาวสปาร์ตา และชาวเปอร์เซีย ตลอดเรื่อยมาจนอารยธรรมชาวกรีกเริ่มเสื่อมถอย และ ล่มสลายไป จนไปถึงยุคของการเข้ามาของ ชาวมาซีดอน (Macedon)
ประวัติศาสตร์ยุโรป-เอเชีย(2) ตอน สถานะภาพในยุคโบราณ
ยุคโบราณ เป็นยุคที่ อยู่อารายธรรมกรีกโบราณ มีอำนาจมากที่สุดในขณะนั้น
(2.1) แผนที่ดินแดนตรง กรีก - เอเชียน้อย
ในยุคแรกเริ่มหาใช่ อาณาจักรโรมันจะผู้ยิ่งใหญ่ในดินแดนแถบยุโรป แต่กลับเป็น กรีก ดินแดนของกรีก อยู่ตรงปลายสุดของยุโรป โดยด้านตรงข้ามจะเป็นเอเชียไมเนอร์
แรกเริ่ม กรีกโบราณ ถือว่าเป็นเชื้อสายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มีอารยธรรมพัฒนารุ่งเรืองกว่าทุกดินแดน ในสมัยนั้น ประวัตืศาสตร์ช่วงนั้นถูกบันทึกโดย โฮเมอร์(Homer)กวีผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยนั้น บริเวณที่ตั้งของ ชาวกรีกโบราณก็คือ ตรงแหลมเอเธนส์ ในสมัยนั้น ชาวสปาตาร์(Spatar) คือนักรบที่ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งที่สุดของ ชาวกรีก (อธิบายคร่าวๆคำว่าชาวกรีก หาใช่จักรวรรดิ์กรีก มันเป็นชื่อที่เรียก ผู้คนที่มีเชื้อสายกรีก
และอาศัยอยู่บริเวณนี้ ในสมัยนั้น ดินแดนต่างๆ จะยังแบ่งเป็นเผ่าต่างๆ อยู่ สปาตาร์ ก็คือเผ่าๆ หนึ่งหาใช่ผู้ปกครองกรีก)สงครามที่สำคัญ สงครามเมืองทรอย (เป็นสงครามตามบันทึกของ โอเมอร์)(ในหนังเรื่อง troy)
จากแผนที่ 2.1 เมือง ทรอย(Troy) จะอยู่ด้านขวา ของแผนที่นะครับ มีพื้นที่ติดทะเล ดินแดนอยู่ตรงขอบของเอเชียน้อยครับ
(2.2) รูปเมืองทรอย (Troy)
หรือบริเวณส่วนหนึ่งประเทศตุรกีในปัจจุบัน อยู่ตรงข้ามกับดินแดนกรีก โดยมีทะลขั้นกลาง จุดเริ่มต้นของสงครามกษัตริย์ของสปาร์ตา (Sparta)ได้ทำสัญญา สงบศึกกับ เมืองทรอย แต่แล้วปารีสแห่งทรอย (Paris of Troy) โอรสองค์ที่ 2 ได้ลักพาตัวเฮเลน(Helen) ซึ่งเป็นภรรยาของเมนนิลิอัส กษัตริย์ของสปาร์ตา ทำให้เป็นฉนวนเกิดสงครามระหว่างชาวกรีก กับ เมืองทรอย
เมนนิลิอัส และ อักกะเมมนอน 2 พี่น้องรอบรวมกำลังทหารชาวกรีก จากเผ่าต่างๆ เพื่อไปทำสงครามกับ เมืองทรอย 1 ในนั้น คือ อคิลลีส (Achilles) นักรบที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
(2.3) รูปปั้นอคิลลีส (Achilles)
อคิลลีสเป็นบุตรของท้าวพีลูส กษัตริย์ชาวเมอร์มิดอน(Macedon)กับนางอัปสรธีทิส เมื่อ อคิลลีส เกิด ธีทิสได้จุ่มร่างของบุตรลงในแม่น้ำสติกส์เพื่อให้เป็นคงกระพัน ร่างกายของอคิลลีสจึงแข็งแกร่ง ไม่มีอาวุธใดทำอันตรายได้ อย่างไรก็ดีขณะนางจุ่มร่างบุตร ธีทิสใช้มือกุมข้อเท้าบุตรไว้ ดังนั้นทั่วร่างอคิลลีสจึงมีเพียงข้อเท้าที่เป็นจุดอ่อน (ตามตำนาน ไม่น่าจะจริง แต่น่าจะเป็นการบอกว่า อคิลลีส เป็นนักรบที่หาใครเทียม)
เมื่อกล่าวถึงเทพนักรบทางฝั่งกรีก ทางฝั่ง ทรอย ก็มีนักรบผู้ยิ่งใหญ่เช่นกัน
(2.4) เจ้าชายเฮกเตอร์ (Hectōr)
เจ้าชายเฮกเตอร์ (Hectōr) เจ้าชายแห่งเมืองทรอย เป็นวีรบุรุษในตำนานกรีกโบราณ (เป็น 1 ใน 9 ผู้ยิ่งใหญ่ ในประวัติศาสตร์ ยุคแรกถึงยุคกลางบอกเล่า โดย ฌาคส์ เดอ ลงกุยง (Jacques de Longuyon))
ในสงครามเป็นการเผชิญหน้าระหว่าง อคิลลีส กับ เจ้าชายเฮกเตอร์ อคิลลิส สามารถ สังหาร เจ้าชายเฮกเตอร์ ในการต่อสู้ตัวต่อตัวได้ แต่เมืองทรอยก็ยังไม่แตกง่ายๆ กรีก ทำสงครามกับ ทรอยอยู่ 10 ปี จนคิดแผน ม้าไม้ได้ จึงสามารถตีทรอยแตก แต่ในภายหลัง อคิลลีส ก็ถูกสังหารโดยเจ้าชายปารีสน้องชายเจ้าชายเฮกเตอร์ หลังเมืองทรอยแตก
(2.1) แผนที่ดินแดนตรง กรีก - เอเชียน้อย
ในยุคแรกเริ่มหาใช่ อาณาจักรโรมันจะผู้ยิ่งใหญ่ในดินแดนแถบยุโรป แต่กลับเป็น กรีก ดินแดนของกรีก อยู่ตรงปลายสุดของยุโรป โดยด้านตรงข้ามจะเป็นเอเชียไมเนอร์
แรกเริ่ม กรีกโบราณ ถือว่าเป็นเชื้อสายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มีอารยธรรมพัฒนารุ่งเรืองกว่าทุกดินแดน ในสมัยนั้น ประวัตืศาสตร์ช่วงนั้นถูกบันทึกโดย โฮเมอร์(Homer)กวีผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยนั้น บริเวณที่ตั้งของ ชาวกรีกโบราณก็คือ ตรงแหลมเอเธนส์ ในสมัยนั้น ชาวสปาตาร์(Spatar) คือนักรบที่ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งที่สุดของ ชาวกรีก (อธิบายคร่าวๆคำว่าชาวกรีก หาใช่จักรวรรดิ์กรีก มันเป็นชื่อที่เรียก ผู้คนที่มีเชื้อสายกรีก
และอาศัยอยู่บริเวณนี้ ในสมัยนั้น ดินแดนต่างๆ จะยังแบ่งเป็นเผ่าต่างๆ อยู่ สปาตาร์ ก็คือเผ่าๆ หนึ่งหาใช่ผู้ปกครองกรีก)สงครามที่สำคัญ สงครามเมืองทรอย (เป็นสงครามตามบันทึกของ โอเมอร์)(ในหนังเรื่อง troy)
จากแผนที่ 2.1 เมือง ทรอย(Troy) จะอยู่ด้านขวา ของแผนที่นะครับ มีพื้นที่ติดทะเล ดินแดนอยู่ตรงขอบของเอเชียน้อยครับ
(2.2) รูปเมืองทรอย (Troy)
หรือบริเวณส่วนหนึ่งประเทศตุรกีในปัจจุบัน อยู่ตรงข้ามกับดินแดนกรีก โดยมีทะลขั้นกลาง จุดเริ่มต้นของสงครามกษัตริย์ของสปาร์ตา (Sparta)ได้ทำสัญญา สงบศึกกับ เมืองทรอย แต่แล้วปารีสแห่งทรอย (Paris of Troy) โอรสองค์ที่ 2 ได้ลักพาตัวเฮเลน(Helen) ซึ่งเป็นภรรยาของเมนนิลิอัส กษัตริย์ของสปาร์ตา ทำให้เป็นฉนวนเกิดสงครามระหว่างชาวกรีก กับ เมืองทรอย
เมนนิลิอัส และ อักกะเมมนอน 2 พี่น้องรอบรวมกำลังทหารชาวกรีก จากเผ่าต่างๆ เพื่อไปทำสงครามกับ เมืองทรอย 1 ในนั้น คือ อคิลลีส (Achilles) นักรบที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
(2.3) รูปปั้นอคิลลีส (Achilles)
อคิลลีสเป็นบุตรของท้าวพีลูส กษัตริย์ชาวเมอร์มิดอน(Macedon)กับนางอัปสรธีทิส เมื่อ อคิลลีส เกิด ธีทิสได้จุ่มร่างของบุตรลงในแม่น้ำสติกส์เพื่อให้เป็นคงกระพัน ร่างกายของอคิลลีสจึงแข็งแกร่ง ไม่มีอาวุธใดทำอันตรายได้ อย่างไรก็ดีขณะนางจุ่มร่างบุตร ธีทิสใช้มือกุมข้อเท้าบุตรไว้ ดังนั้นทั่วร่างอคิลลีสจึงมีเพียงข้อเท้าที่เป็นจุดอ่อน (ตามตำนาน ไม่น่าจะจริง แต่น่าจะเป็นการบอกว่า อคิลลีส เป็นนักรบที่หาใครเทียม)
เมื่อกล่าวถึงเทพนักรบทางฝั่งกรีก ทางฝั่ง ทรอย ก็มีนักรบผู้ยิ่งใหญ่เช่นกัน
(2.4) เจ้าชายเฮกเตอร์ (Hectōr)
เจ้าชายเฮกเตอร์ (Hectōr) เจ้าชายแห่งเมืองทรอย เป็นวีรบุรุษในตำนานกรีกโบราณ (เป็น 1 ใน 9 ผู้ยิ่งใหญ่ ในประวัติศาสตร์ ยุคแรกถึงยุคกลางบอกเล่า โดย ฌาคส์ เดอ ลงกุยง (Jacques de Longuyon))
ในสงครามเป็นการเผชิญหน้าระหว่าง อคิลลีส กับ เจ้าชายเฮกเตอร์ อคิลลิส สามารถ สังหาร เจ้าชายเฮกเตอร์ ในการต่อสู้ตัวต่อตัวได้ แต่เมืองทรอยก็ยังไม่แตกง่ายๆ กรีก ทำสงครามกับ ทรอยอยู่ 10 ปี จนคิดแผน ม้าไม้ได้ จึงสามารถตีทรอยแตก แต่ในภายหลัง อคิลลีส ก็ถูกสังหารโดยเจ้าชายปารีสน้องชายเจ้าชายเฮกเตอร์ หลังเมืองทรอยแตก
ประวัติศาสตร์ยุโรป-เอเชีย(1) ตอน เกรินนำอาณาจักในยุโรป-เอเชีย
ประวัติศาสตร์ยุโรป-เอเชีย ถ้าจะเริ่มจริงต้อง เริ่มตั้งแต่ ยุคโบราณ
ในปัจจุบัน นักวิชาการแบ่ง ยุคสมัยออก เป็น 4 สมัย คือ
ยุคโบราณ (ปีก่อน ค.ศ. - ค.ศ. 476)
ยุคกลาง ( ค.ศ. 478 - ค.ศ. 1453)
ยุคใหม่ (ค.ศ. 1453 - ค.ศ. 1945)
ยุคปัจจุบัน (ค.ศ. 1945 - ปัจจุบัน)
อะไรเป็นตัวแบ่งเส้นเวลาของยุคสมัย นักวิชาการให้เหตุผลว่า เส้นการแบ่งจะคำนึงถึงเหตุการณ์สำคัญที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกเป็นตัวบ่งบอกเส้นแดนของยุคแต่ละยุคสมัย
ยุคโบราณ ถูกนับตั้งแต่ ก่อน ค.ศ. ในตอนที่ในทุกดินแดนยังไม่มีอาณาจักรมีเพียง ชนเผ่าต่างๆที่อาศัอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ในโลกเท่านั้น และสิ้นสุดของยุคโบราณ ก็คือ ตอนที่ อาณาจักรโรมันตะวันตกล่มสลายไป อารายธรรม ต่างๆ ในยุโรปได้มีเปลี่ยนแปลง ทำให้นักวิชาการใช้เหตุการณ์นี้ในการปิดสมัยโบราณ
ยุคกลาง เริ่มต้นตั้งแต่ อาณาจักรโรมันล่มสลาย ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วยุโรปมีการ เปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่มีอาณาจักรเกิดขึ้นมากมาย และการสิ้นสุดของยุคกลางนี้เกิดตอนที่ อาณาจักรไบแซนไทน์(ByzantinEmpire) หรือ อีกชื่อ อาณาจักรโรมันตะวันออก (คำว่า ไบแซนไทน์ แปลว่า อาราจักรโรมันตะวันออกในภาษา กรีก) เป็นการปิดฉากสมัยของยุคกลาง
ยุคใหม่ เริ่มต้นหลังจาก อาณาจักรไบแซนไทน์ล่มสลายไป ยาวนานเรื่อยมา จนถึง จุดสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ถือเป็นเหตุการณ์ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกทีเดียว
ในปัจจุบัน นักวิชาการแบ่ง ยุคสมัยออก เป็น 4 สมัย คือ
ยุคโบราณ (ปีก่อน ค.ศ. - ค.ศ. 476)
ยุคกลาง ( ค.ศ. 478 - ค.ศ. 1453)
ยุคใหม่ (ค.ศ. 1453 - ค.ศ. 1945)
ยุคปัจจุบัน (ค.ศ. 1945 - ปัจจุบัน)
อะไรเป็นตัวแบ่งเส้นเวลาของยุคสมัย นักวิชาการให้เหตุผลว่า เส้นการแบ่งจะคำนึงถึงเหตุการณ์สำคัญที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกเป็นตัวบ่งบอกเส้นแดนของยุคแต่ละยุคสมัย
ยุคโบราณ ถูกนับตั้งแต่ ก่อน ค.ศ. ในตอนที่ในทุกดินแดนยังไม่มีอาณาจักรมีเพียง ชนเผ่าต่างๆที่อาศัอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ในโลกเท่านั้น และสิ้นสุดของยุคโบราณ ก็คือ ตอนที่ อาณาจักรโรมันตะวันตกล่มสลายไป อารายธรรม ต่างๆ ในยุโรปได้มีเปลี่ยนแปลง ทำให้นักวิชาการใช้เหตุการณ์นี้ในการปิดสมัยโบราณ
ยุคกลาง เริ่มต้นตั้งแต่ อาณาจักรโรมันล่มสลาย ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วยุโรปมีการ เปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่มีอาณาจักรเกิดขึ้นมากมาย และการสิ้นสุดของยุคกลางนี้เกิดตอนที่ อาณาจักรไบแซนไทน์(ByzantinEmpire) หรือ อีกชื่อ อาณาจักรโรมันตะวันออก (คำว่า ไบแซนไทน์ แปลว่า อาราจักรโรมันตะวันออกในภาษา กรีก) เป็นการปิดฉากสมัยของยุคกลาง
ยุคใหม่ เริ่มต้นหลังจาก อาณาจักรไบแซนไทน์ล่มสลายไป ยาวนานเรื่อยมา จนถึง จุดสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ถือเป็นเหตุการณ์ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกทีเดียว
วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
โรคระบาดในยุโรป (ปี 1347- 1467)
กาฬโรคระบาดในยุโรป
เริ่มต้นขึ้นในแถบตะวันตกเฉียงใต้และตอนกลางของเอเชีย(ประเทศจีนตอนบน บริเวณอาณาจักร มองโกเลีย)
และแพร่กระจายเข้าไปที่ยุโรป มียอดผู้เสียชีวิตจากทั่วโลกรวมแล้วประมาณ 75 ล้านคน
ประมาณ 20 ล้านคนเสียชีวิตในทวีปยุโรป คิดเป็น 2/3 ของประชากรยุโรปทั้งหมด
กาฬโรค มีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรีย เยอซิเนีย แพสทิซ (Yersinia pestis)ซึ่งแพร่ระบาดอยู่ในสัตว์จำพวกหนู (Rodent) ในแถบตอนกลางของเอเชีย
บางคนกล่าวว่า
จุดเริ่มต้นการระบาดของกาฬโรคในยุโรป คือ ทัพมองโกลรุกขยาย อาณาเขต เข้ามาถึง ประเทศ แทบอาณาจักรเยรูซาเล็ม (Yerusalem) ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาคริสต์ ทัพมองโกลได้นำพา กาฬโรคมาด้วย ในขณะที่ทหารของมองโกลล้มตายด้วยกาฬโรคที่ระบาดในกองทัพ ข่านมองโกล จึงได้ใช้ ศพที่ติดเชื้อกาฬโรคแทน กระสุน ใส่ในเครื่องยิงหิน แล้วยิงศพ เข้าไปในเมืองเพื่อ แพร่ระบาดโรคติดต่อ โดยเฉพาะบริเวณแถบนั้นเป็นการรวมกัน ของคนหลายเชื้อชาติ ทั้งนักบุญที่มา แสวงบุญ เหล่าคนจากต่างถิ่นถือว่าเป็นจุดศุนย์กลาง ของศาสนา เลยก็ว่าได้ ทำให้ เมื่อมีการกลับสู่ถิ่นฐานก็เป็นการนำ กาฬโรคกลับไปด้วย จุดเริ่มต้นที่ พบการระบาดของกาฬโรค คือเมื่อพ่อค้า ชาว เจนัวส์ (Genao) กลับจากดินแดนตะวันออก มาถึงท่า
เรือ เมสซิน่า (Massina) ใน ซิซิลี ก็ได้นำ กาฬโรค มาด้วย กาฬโรคเริ่มแพร่ระบาดไปทั่ว เมสซิน่า (Massina) ติดต่อมา Genoa , Florence ,Venice ไม่นานนักก็ระบาดไปทั่วอิตาลี ดินแดนแถบคาบสมุทรอิตาลีมีการระบาดของกาฬโรคอย่างรุนแรง ไม่นานนักก็เริ่มจู่โจมประเทศ ฝรั่งเศส สเปน เยอรมณี รุกรามถึงอังกฤษ นอร์เว
เริ่มต้นขึ้นในแถบตะวันตกเฉียงใต้และตอนกลางของเอเชีย(ประเทศจีนตอนบน บริเวณอาณาจักร มองโกเลีย)
และแพร่กระจายเข้าไปที่ยุโรป มียอดผู้เสียชีวิตจากทั่วโลกรวมแล้วประมาณ 75 ล้านคน
ประมาณ 20 ล้านคนเสียชีวิตในทวีปยุโรป คิดเป็น 2/3 ของประชากรยุโรปทั้งหมด
กาฬโรค มีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรีย เยอซิเนีย แพสทิซ (Yersinia pestis)ซึ่งแพร่ระบาดอยู่ในสัตว์จำพวกหนู (Rodent) ในแถบตอนกลางของเอเชีย
บางคนกล่าวว่า
จุดเริ่มต้นการระบาดของกาฬโรคในยุโรป คือ ทัพมองโกลรุกขยาย อาณาเขต เข้ามาถึง ประเทศ แทบอาณาจักรเยรูซาเล็ม (Yerusalem) ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาคริสต์ ทัพมองโกลได้นำพา กาฬโรคมาด้วย ในขณะที่ทหารของมองโกลล้มตายด้วยกาฬโรคที่ระบาดในกองทัพ ข่านมองโกล จึงได้ใช้ ศพที่ติดเชื้อกาฬโรคแทน กระสุน ใส่ในเครื่องยิงหิน แล้วยิงศพ เข้าไปในเมืองเพื่อ แพร่ระบาดโรคติดต่อ โดยเฉพาะบริเวณแถบนั้นเป็นการรวมกัน ของคนหลายเชื้อชาติ ทั้งนักบุญที่มา แสวงบุญ เหล่าคนจากต่างถิ่นถือว่าเป็นจุดศุนย์กลาง ของศาสนา เลยก็ว่าได้ ทำให้ เมื่อมีการกลับสู่ถิ่นฐานก็เป็นการนำ กาฬโรคกลับไปด้วย จุดเริ่มต้นที่ พบการระบาดของกาฬโรค คือเมื่อพ่อค้า ชาว เจนัวส์ (Genao) กลับจากดินแดนตะวันออก มาถึงท่า
เรือ เมสซิน่า (Massina) ใน ซิซิลี ก็ได้นำ กาฬโรค มาด้วย กาฬโรคเริ่มแพร่ระบาดไปทั่ว เมสซิน่า (Massina) ติดต่อมา Genoa , Florence ,Venice ไม่นานนักก็ระบาดไปทั่วอิตาลี ดินแดนแถบคาบสมุทรอิตาลีมีการระบาดของกาฬโรคอย่างรุนแรง ไม่นานนักก็เริ่มจู่โจมประเทศ ฝรั่งเศส สเปน เยอรมณี รุกรามถึงอังกฤษ นอร์เว
วันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2552
เดินสายเที่ยว นำร่องสู่ บ้านกรูด
ไปๆ เราจะไปเที่ยว ทะเล
เช้าตรู่ ของวันที่ 13 พ.ค. 51
เวลาปรมาณตี
ลงไปหาไอ้อ้วนที่ห้อง ไอ้คุณท่านอ๋องยังจัดของไม่เสร็จ
ส่วนอีกคน ท่านแนล เพิ่งอาบน้ำ นัดตี 5 ตื่นตี 5 เยี่ยม
ไอ้นี่ ชื่อ เปา ไม่ได้ไป 555+ (เป็นเกย์)
เวลาประมาณ 6 โมงถึง ท่ารถ สายใต้ใหม่
จองตั๋วเสร็จแล้ว แชะ สัก 1 รูป
นั่งรถอันแสนยาวนาน หลับดีกว่า..
ถึงเพชรบุรี ประมาณ 8 โมงครึ่ง
รถวิ่งประมาณ 2 ชั่วโมง
ถึงท่ารถก็หาอะไรกินก่อน ร้าน เบอเกอรี่ที่ท่ารถ
อร่อยดี ครับ ชื่อ ร้าน จิรพัน นั่งกินไป รอไป
รอไอ้คุณออม คนขับรถมารับ
มันมาถึง ก็ไปนี่ก่อนเลย
วังบ้านปืน
ไอ้ คน ซ้าย คนขับรถ ชื่อ ออม
หลังจาเดินเที่ยวอยู่สักพัก
เกือบ 10 โมงล่ะ ไปบ้านไอ้อออม แล้วค่อยไปต่อ
ไปเอาของน่ะ ชุดกับ ปืน เราจะไป เล่น BBGun
กัน go go (ของที่ใส่ของไอ้ออมทั้งนั้น บ่งบอกถึงความบ้า)
แต่งตัวซะดี แต่ฝีมือนั่นมีไม่ 555+(พรุน)
ไอ้คนขับเปลี่ยนเป็น โจรใต้ไปแล้ว
4 ทหารเสือ!!
หลัง จาเล่น เสร็จ เกือบจะ บ่าย 3 แล้ว
ที่จริง เรานัดกันไว้ว่าจะขึ้นเขา พนมรุ้ง
แต่ฝนมันทำท่าจะ ตก ก็เลย say ลาดีกว่า
เปลี่ยนเป้าหมาย ไป go to ชะอำ
จากเพชรบุรีไปชะอำใช้เวลาประมาณ
50 นาที
ถึงชะอำก็หาห้องพักซะก่อน
ไม่แพงมาก 600 เอง
แชะภาพซะหน่อย
ด้วยความเหนื่อย
ขอนอนดีกว่า ...
ยามเช้าของหาดชะอำ
เราต้องรีบตื่นเพราะเราต้องไปหัวหินต่อ
เดี๋ยวไม่ได้เดินตลาดกลางคืน
ความเป็นจริงกว่าจะตื่น เกือบ
10 โมง แชะภาพซะหน่อยน่อ
ก่อนออกเดินทาง
เรานั่งรถเมร์แดง มา ใช้เวลา
จากชะอำมาหัวหิน ประมาณ
30 นาที
หลังจากมาถึงเราก็ต้องหาที่
พักซะก่อน
เดินไปเดินมาได้ โรงแรมอะไรไม่รู้
จำไม่ได้ 900 แถมอาหาร ok
ที่นี่ก็ได้
ได้ที่พักแล้วก็ไปหาอะไรกินกัน
มาหินหิน ทั้งที มื้อแรกก็ pizza เหอๆ
(มาทำม่ายยย)
กินเสร็จก็กลับห้อง
ถึงห้องนอนก็หลับครับพี่น้อง...
กว่าจะตื่นมาก็เย็นล่ะ
เดินชมชายหาดหัวหินสักหน่อยน่อ
เป้าหมายต่อไปก็ โรงเรียนเก่าผม
ผม กับ ได้อ๋อง เรียนที่นี่ตอน
ประถม รำลึกๆๆ
โรงเรียนหัวหินวิทยาลัย
what??
ล่องไปล่องมาซะ ทั่วโรงเรียน
ดูหมดล่ะ เป้าหมาย ต่อไป ก็
ตลาดกลางคืน หัวหิน เอ้า ลุยๆ
กว่าจะถึงตลาด เล่นเอาเหนื่อย
เราก็เดินๆ หาอะไรกิน
ซื้อของเล่น เรื่อยเปื่อย
ไอ้อ้วนนี่โดนหรอกฟัน เสื้อมาตัว 1
กว่าจะกลับถึงห้องเกือบ 5 ทุ่ม
ถงปั๊บ หลับปุ๊บ
ตื่นเช้ามาต้องรีบไปกิน ร้านทีเด็ด
ชื่อ ร้านไก่ เวลาเปิด
10 โมง - บ่าย 2 (รีบปิดไปไหน)
คนแน่นร้านมาก ต้องนั่งรอกันทีเดียว
มาร้านนี้มีแต่ไก่ สั่งเลย อร่อยทุกอย่าง
แต่ทีเด็ด ไก่ยัดใส่ อร่อยดี
หลังกินเสร็จ ก็นัด กับเพื่อนๆ
ให้มา รับที่หัวหิน ประมาณ
บ่ายๆ นั่งรถตู้ ไปบ่านกรูด ต่อ
กว่าจะถึงก็เกือบเย็น
เข้าบ้านพักเสร็จ
ทำกิจกรรมเป้าหมายเลย
ขาไพ่ one (หัวล้าน)
ขาไพ่ two (ขี้เมา)
เช้าตรู่ ของวันที่ 13 พ.ค. 51
เวลาปรมาณตี
ลงไปหาไอ้อ้วนที่ห้อง ไอ้คุณท่านอ๋องยังจัดของไม่เสร็จ
ส่วนอีกคน ท่านแนล เพิ่งอาบน้ำ นัดตี 5 ตื่นตี 5 เยี่ยม
ไอ้นี่ ชื่อ เปา ไม่ได้ไป 555+ (เป็นเกย์)
เวลาประมาณ 6 โมงถึง ท่ารถ สายใต้ใหม่
จองตั๋วเสร็จแล้ว แชะ สัก 1 รูป
นั่งรถอันแสนยาวนาน หลับดีกว่า..
ถึงเพชรบุรี ประมาณ 8 โมงครึ่ง
รถวิ่งประมาณ 2 ชั่วโมง
ถึงท่ารถก็หาอะไรกินก่อน ร้าน เบอเกอรี่ที่ท่ารถ
อร่อยดี ครับ ชื่อ ร้าน จิรพัน นั่งกินไป รอไป
รอไอ้คุณออม คนขับรถมารับ
มันมาถึง ก็ไปนี่ก่อนเลย
วังบ้านปืน
ไอ้ คน ซ้าย คนขับรถ ชื่อ ออม
หลังจาเดินเที่ยวอยู่สักพัก
เกือบ 10 โมงล่ะ ไปบ้านไอ้อออม แล้วค่อยไปต่อ
ไปเอาของน่ะ ชุดกับ ปืน เราจะไป เล่น BBGun
กัน go go (ของที่ใส่ของไอ้ออมทั้งนั้น บ่งบอกถึงความบ้า)
แต่งตัวซะดี แต่ฝีมือนั่นมีไม่ 555+(พรุน)
ไอ้คนขับเปลี่ยนเป็น โจรใต้ไปแล้ว
4 ทหารเสือ!!
หลัง จาเล่น เสร็จ เกือบจะ บ่าย 3 แล้ว
ที่จริง เรานัดกันไว้ว่าจะขึ้นเขา พนมรุ้ง
แต่ฝนมันทำท่าจะ ตก ก็เลย say ลาดีกว่า
เปลี่ยนเป้าหมาย ไป go to ชะอำ
จากเพชรบุรีไปชะอำใช้เวลาประมาณ
50 นาที
ถึงชะอำก็หาห้องพักซะก่อน
ไม่แพงมาก 600 เอง
แชะภาพซะหน่อย
ด้วยความเหนื่อย
ขอนอนดีกว่า ...
ยามเช้าของหาดชะอำ
เราต้องรีบตื่นเพราะเราต้องไปหัวหินต่อ
เดี๋ยวไม่ได้เดินตลาดกลางคืน
ความเป็นจริงกว่าจะตื่น เกือบ
10 โมง แชะภาพซะหน่อยน่อ
ก่อนออกเดินทาง
เรานั่งรถเมร์แดง มา ใช้เวลา
จากชะอำมาหัวหิน ประมาณ
30 นาที
หลังจากมาถึงเราก็ต้องหาที่
พักซะก่อน
เดินไปเดินมาได้ โรงแรมอะไรไม่รู้
จำไม่ได้ 900 แถมอาหาร ok
ที่นี่ก็ได้
ได้ที่พักแล้วก็ไปหาอะไรกินกัน
มาหินหิน ทั้งที มื้อแรกก็ pizza เหอๆ
(มาทำม่ายยย)
กินเสร็จก็กลับห้อง
ถึงห้องนอนก็หลับครับพี่น้อง...
กว่าจะตื่นมาก็เย็นล่ะ
เดินชมชายหาดหัวหินสักหน่อยน่อ
เป้าหมายต่อไปก็ โรงเรียนเก่าผม
ผม กับ ได้อ๋อง เรียนที่นี่ตอน
ประถม รำลึกๆๆ
โรงเรียนหัวหินวิทยาลัย
what??
ล่องไปล่องมาซะ ทั่วโรงเรียน
ดูหมดล่ะ เป้าหมาย ต่อไป ก็
ตลาดกลางคืน หัวหิน เอ้า ลุยๆ
กว่าจะถึงตลาด เล่นเอาเหนื่อย
เราก็เดินๆ หาอะไรกิน
ซื้อของเล่น เรื่อยเปื่อย
ไอ้อ้วนนี่โดนหรอกฟัน เสื้อมาตัว 1
กว่าจะกลับถึงห้องเกือบ 5 ทุ่ม
ถงปั๊บ หลับปุ๊บ
ตื่นเช้ามาต้องรีบไปกิน ร้านทีเด็ด
ชื่อ ร้านไก่ เวลาเปิด
10 โมง - บ่าย 2 (รีบปิดไปไหน)
คนแน่นร้านมาก ต้องนั่งรอกันทีเดียว
มาร้านนี้มีแต่ไก่ สั่งเลย อร่อยทุกอย่าง
แต่ทีเด็ด ไก่ยัดใส่ อร่อยดี
หลังกินเสร็จ ก็นัด กับเพื่อนๆ
ให้มา รับที่หัวหิน ประมาณ
บ่ายๆ นั่งรถตู้ ไปบ่านกรูด ต่อ
กว่าจะถึงก็เกือบเย็น
เข้าบ้านพักเสร็จ
ทำกิจกรรมเป้าหมายเลย
ขาไพ่ one (หัวล้าน)
ขาไพ่ two (ขี้เมา)